เนื่องจากระบบการดูแลสุขภาพในปัจจุบันมีข้อจำกัดอย่างมากต่อภิกษุอาพาธ และได้รับการดูแลแบบเดียวกับฆราวาส ทำให้ภิกษุบ้างต้องลาสิกขาเพื่อให้ญาติมารับไปดูแลเอง การดูแลบางอย่างสร้างความลำบากใจให้ทั้งผู้ดูแลและพระผู้ป่วย หรือบางวัดปฎิเสธการดูแลพระป่วยก็มี เหล่านี้ขัดต่อพุทธพจน์ของพระพุทธองค์ ซึ่งถือว่าเพศบรรชิตนั้นได้สละขาดจากเรือนมาแล้วฯลฯ
ความจริงแล้วการมาบวชเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานั้น ก็เพื่อการปฎิบัติพัฒนาฝึกจิตให้ดีในวันสุดท้ายของชีวิต แต่กลับขาดปัจจัยที่จะเกื้อกูลท่านให้ได้พัฒนาจิตของท่านให้ดีที่สุดในช่วงจิตจะดับจึงควรมีการดูแลที่เหมาะสม
ดังนั้นการริเริ่มเปิดศูนย์สันติภาวัน จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถานพำนักของพระอาพาธระยะท้ายของชีวิต โดยอาศัยหลัก ให้มีพระดูแลพระกันเอง ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ดังพระพุทธพจน์ว่า “ผู้ใดปรารถนาจะปฎิบัติบำรุงเรา ขอให้ผู้นั้นปฎิบัติบำรุงภิกษุอาพาธเถิด เท่ากับได้ปฎิบัติบำรุงเรา”
รายงานโดย วรรณะ มหากิตติคุณ อาสาพาบุญ